post : 19 September 2017 , 5702 view
บทความ : อภิวัฒน์ สุนันท์ยืนยง
"กำลังภายใน"
คำคำนี้เป็นคำที่คุ้นหูคุ้นตาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดงที่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งผู้คนที่ไม่ได้สนใจเรื่องราวของกำลังภายใน เมื่อได้ยินคำนี้ยังต้องร้องว่า "อ๋อออ !!"
และเมื่อกล่าวถึงก็มักจะคิดเรื่องราวของการฝึกฝนพร้อมพรั่งด้วยพรสวรรค์ วิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศ (แม้ว่าจะมีคำพูดติดปากว่า แม้เจ้าจะมีปีกก็หนีไปไหนไม่พ้น แต่เห็นเหาะได้ทุกเรื่อง ฮ่าๆ) การต่อสู้ที่แสนจะดุเดือดเลือดพล่าน ตัวโกงที่แสนชั่วร้าย(พร้อมเสียงหัวเราะแบบจอมมาร ฮ่าๆๆ !) พระเอกที่แสนจะเก่งกาจ นางเอกที่สวยงามราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ หรืออีกหลากหลายเรื่องราวที่เราได้สัมผัส
ซึ่งเรื่องราวของกำลังภายในนั้นเกิดขึ้นมาหลายทศวรรษแล้วในบ้านเรา จนมีนิยายกำลังภายในออกมาสู่สายตาพวกเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรวมเล่มตีพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์รายวันจนหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ยอดขายทั่วประเทศนั้นประมาณ สามสี่แสนฉบับจนสามารถพุ่งทะยานไปเป็นหกแสนฉบับบต่อวันได้ จึงถือได้ว่าเป็นอิทธิพลที่มาจากนิยายกำลังภายใน หรือการที่หนังจีนกำลังภายในเข้ามาสู่บ้านเราโดยเฉพาะเจ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Shaw Brother ก็ทำให้เรื่องราวของกำลังภายในยิ่งเฟื่องฟูขึ้นไป ซ้ำยังตอกย้ำความเฟื่องฟูนี้ด้วยซีรีย์ทางโทรทัศน์ เช่นกระบี่ไร้เทียมทาน มังกรหยก ฯลฯ ที่กล่าวกันว่าถนนในกรุงเทพโล่งสบายเพื่อมาดูซีรี่ย์กันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าหากพูดถึงเรื่องราวของกำลังภายใน หากไม่พูดถึงสุดยอดนักแต่งท่านนี้คงเป็นไปไม่ได้
นั่นคือ "กิมย้ง"
กิมย้ง
ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รังสรรค์ผลงานมากมายมาให้พวกเราได้รับชมกัน ไม่ว่าจะเป็น ไตรภาคมังกรหยก(ก๊วยเจ๋ง ยอดวีรบุรุษ,เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี,ดาบมังกรหยก) แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กระบี่เย้ยยุทธจัก อุ้ยเสี่ยวป้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี
ในเรื่องราวเหล่านี้มีทั้งการแก้แค้น การต่อสู้ที่แสนจะดุเดือด ความรักอันแสนหอมหวาน ความรักอันแสนรันทด คุณธรรมที่แท้จริงกับคุณธรรมจอมปลอม ซึ่งมากมายหลากหลายเรื่องราว
แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจกันมากคือสุดยอดวิชาในนิยายกำลังภายในของกิมย้ง เพราะมันมีทั้งความสมจริงและความวิจิตรพิสดารที่ชวนให้จินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเราก็จะมาทำความรู้จักกับยอดวิชาเหล่านั้นกันเลยนะครับ
1.วิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร
แน่นอนครับ หนึ่งในยอดวิชาที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยสำหรับวิชานี้ ซึ่งวิชานี้ถือได้ว่าเป็นวิชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดวิชานึงเลยทีเดียว หลายๆท่านก็คิดเหมือนกันว่าที่มาของชื่อมังกรหยกก็อาจมาจากยอดวิชาของตัวเอกเรื่องนี้ ซึ่งก็คือ
สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรชุดนี้นี่เอง
ด้วยความร้ายกาจของวิชานี้แม้กระทั่งการประลองยุทธบนเขาฮั่วซัว(หัวซาน)ครั้งที่หนึ่ง ทุกคนก็ให้ความนับถือว่าวิชาฝ่ามือนี้ร้ายกาจยิ่งนัก ตัวของอั้งชิดกงเองก็มักทอดถอนใจเสมอ หากตอนนั้นตั้งใจฝึกมากกว่านี้(ตอนนั้นยังฝึกไม่สำเร็จสมบูรณ์)ผู้ชนะอาจไม่ใช่เฮ้งเต็งเอี๊ยงก็เป็นได้ แล้วด้วยนิสัยของอั้งชิดกงซึ่งไม่ใช่คนขี้อวดก็น่าจะพออนุมานได้ว่ายอดวิชาชุดนี้ร้ายกาจสักเพียงใด
กระบวนท่าของ สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ที่เรามักเห็นอยู่ในSocial มากมายที่ระบุถึง สิบแปดท่า แต่พอเอาเข้าจริงในนิยายนั้นระบุไม่ครบถึงสิบแปดท่า ซึ่งที่มาของกระบวนท่านั้นได้มาจากแผ่นภาพอี้จิง ซึ่งคัมภีร์โบราณของจีนแต่กาลก่อน และสำหรับชื่อ สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรนี้ ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาจากนิยายกำลังภายในยุคก่อนในชื่อเรื่องตำนานเทพกระบี่ซูซัน (ศึกเทพยุทธซูซันที่ฉีเคอะนำมาทำเป็นหนังที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง ) ที่ประพันธ์โดย หวนจูเหล่าจู้ ในช่วงกลางบทที่21 ที่มีการกล่าวถึงวิชาลับของท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อแห่งเส้าหลิน ที่มีชื่อว่าเจี้ยงหลงปาจ้าน(降龍八掌)หรือแปดฝ่ามือสยบมังกร ที่แตกแขนงออกมาจากเพลงมวยวชิระอันเลื่องชื่อ
วิชาชุดนี้กิมย้งเดิมทีไม่ได้ให้รายละเอียดที่มากมายนักในที่มาที่ไปของสุดยอดวิชาชุดนี้ แต่ในการแก้ไขครั้งที่สาม(กิมย้งได้ทำการแก้ไขนิยายไป 3 ครั้ง)นั้นทางกิมย้งได้มีการระบุว่าอวงเกี่ยมทงประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่สองได้ถ่ายทอดให้กับเฉียวฟงประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่สาม แต่ดั้งเดิมมี ยี่สิบแปดท่า แต่เฉียวฟงได้มีการปรับปรุงลดทอนให้เหลือ สิบแปดท่า แต่มีอานุภาพเพิ่มขึ้น หากบอกว่าต้นกำเนิด สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรมาจากเฉียวฟงก็คงไม่ผิดนักแลและถือได้ว่าเป็นผู้ที่ใช้วิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
วิชานี้มีหลักสำคัญอยู่ที่ผสมผสานความอ่อนหยุ่น ความแข็งกร้าวและความต่อเนื่องของวิชาเข้าด้วยกัน คือเรียกว่าหากเรียนรู้เพียงกระบวนท่าเดียวก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่หากฝึกครบทั้ง สิบแปดท่าการร่ายรำกระบวนท่าก็จะต่อเนื่องไร้ช่องโหว่ ซึ่งกระบวนท่าที่ปรากฎก็มีดังเช่น
"มังกรผยองได้สำนึก"
อันเป็นท่าพื้นฐาน ท่านี้การใช้ต้องงอเท้าซ้ายเล็กน้อย มือขวาพับเข้าหาตัว กรีดวาดเป็นวงกลมจากนั้นผลักดันออก หากสัมผัสถูกกายคู่ต่อสู้เพิ่มพลังฝ่ามืออย่างฉับพลัน นับว่ามีอานุภาพแกร่งกร้าวดุดันที่สุดในสิบแปดท่า เคล็ดสำคัญของกระบวนท่านี้มิใช่อยูที่คำว่า "ผยอง" ซึ่งหมายถึงความแกร่งกร้าว แต่อยู่ที่คำว่า "สำนึก" กล่าวคือสามารถรั้งเข้าปล่อยกระบวนท่าออกได้ตามใจปรารถนา กระบวนท่านี้หากเพียงแค่มีกำลังอันแกร่งกร้าวก็เป็นเพียงวิชาฝ่ามือทั่วไป ซึ่งต่อให้พละกำลังผู้ใช้มากเพียงใดต้องมีวันถูกใช้หมดสิ้น ศัตรูจะฉวยโอกาสจู่โจมได้ แต่เนื่องจากท่านี้สามารถหยุดรั้งเก็บพลังแต่กลางคันได้ จึงนับว่ามีความลึกล้ำอย่างยิ่ง ท่านี้ตรงกับแผ่นภาพอี้จิงที่ระบุว่า "มังกรผยองได้สำนึก เอ่อล้นพ้นไม่ยืนยาว"
เช่นในตอนวัดเส้าหลินช่วงชุมนุมยุทธจักร เซียวฟง(ตอนนั้นทราบชาติกำเนิดที่แท้จริงแล้ว)ซึ่งได้เดินทางไปยังวัดเส้าหลินเพื่อพบอาจื่อ(อาจี่ซึ่งเป็นน้องสาวของคนรักตนนามว่าอาจูซึ่งตายไปแล้ว)ได้ถูกติงชุนชิวเจ้าสำนักทะเลหมู่ดาวจับตัวไว้ อีกทั้งนางยังตาบอดอีกด้วย
ในตอนนั้นเองเซียวฟงได้ใช้กระบวนท่าที่แข็งกร้าวที่สุดในสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรนาม "มังกรผยองได้สำนึก" ตอนนั้นเซียวฟงอยู่ไกลจากติงชุนชิวกว่าสิบวา ติงชุนชิวคิดว่าแม้เซียวฟงจะเก่งกาจสักเพียงใด ก็ไม่น่าจะพุ่งพลังฝ่ามือได้ไกลเกินห้าหกวา แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเซียวฟงฟาดฝ่ามือออก รุกเข้ามาอีกกว่าห้าวาแล้วจึงสะบัดฝ่ามือออกอีกครั้ง พลังฝ่ามือแรกเกื้อหนุนพลังฝ่ามือที่สอง ติงชุนชิวรู้สึกรู้สึกถึงแรงกดที่รุนแรงเหมือนดังกำแพงใหญ่ถ่าโถมเข้ามา ติงชุนชิวคิดว่าหากรับด้วยมือเดียวกระดูกมือต้องถูกกระแทกหักเป็นแน่ เผลอๆกระดูกทั่วร่างน่าจะแหลกสลายไปทั่วร่างเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นติงชุนชิวจึงรีบโยนร่างอาจื่อขึ้นไป แล้วใช้มือสร้างพลังคุ้มกายแล้วรีบหนีถอยออกไป
เมื่อเซียวฟงรับตัวอาจื่อไว้ ขณะเดียวกันก็ฟาดฝ่ามือออกสามครั้ง พลังสองฝ่ามือแรกยังไม่สิ้นสุด พลังฝ่ามือที่สองและสามก็ตามมาแล้ว ติงชุนชิวไม่กล้าปะทะโดยตรง มือขวาปาดเฉียง ปะทะริมฝ่ามือโดยตรงของเซียวฟง รู้สึกแขนขวาชา ลมปราณที่ทรวงอกถูกกดดันอัดแน่น จึงรบถอยหนีออกไป
นี่คือเหตุการณ์นี้ทำให้เห็นอานุภาพที่รุนแรงของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร
ภายหลังตัวของเซียวฟงได้ทำการเสียสละตนเองเพื่อยุติสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างเมืองเหลียวและเมืองซ้อง หลายๆคนอาจสงสัยทั้งวิชาของเซียวฟงทั้ง สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรและไม้ตีสุนัข จะสืบทอดต่อกันอย่างไร ?
ในเมื่อเซียวฟงได้ยอมเสียสละตนไปแล้วในการแก้ไขปรับปรุงครั้งที่ 3 กิมย้งได้เพิ่มเติมส่วนนี้คือ เขาได้ถ่ายทอดวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรและไม้ตีสุนัขให้กับซีจุ๊(ฮื่อเต็ก) แล้วจึงสั่งให้ผู้อาวุโสคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมารับการสืบทอดต่อไป(แบบนี้ซีจุ๊เป็นทั้งวิชาของสราญรมย์และยอดวิชาของพรรคกระยาจก ฝีมือสุดยอดมากๆ) จึงทำให้ได้รับการสืบทอดต่อไปไม่สูญหายไป
ซึ่งวิชานี้ภายหลังก็ได้สืบทอดมายังยุคราชวงศ์ซ้องใต้ ซึ่งราชวงศ์นี้ก็ได้เสียดินแดนให้กับชาวกิมไปครึ่งนึงแล้ว อั้งชิดกงผู้เป็นประมุขพรรคกระยาจกรุ่นที่ 18 ได้สืบทอดวิชานี้เพียงครึ่งนึง(จากการแก้ไขครั้งที่ 3) อีกครึ่งนึงอั้งชิดกงก็ได้บัญญัติเอง จนครบสิบแปดฝ่ามือดังเดิม(จากฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 วิชานี้ มีอยู่ 15 ท่า บัญญัติเพิ่ม 3 ท่า) ซึ่งอั้งชิดกงนับได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถอันเอกอุ สามารถผงาดเป็นหนึ่งในสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค จนได้รับฉายาว่า “ยาจกอุดร” แม้กระทั่งในตอนประลองยุทธบนเขาหัวซาน(ฮั้วซัว)ยอดฝีมือไม่ว่าทั้ง มารบูรพา พิษประจิม กลางอิทธิฤทธิ์ ราชันย์ทักษิณต่างก็ให้คำชมเชยยอดวิชาชุดนี้เช่นกัน
หนังสือเรื่องก๊วยเจ๋ง ยอดวีรบุรุษ
ต่อมาผู้สืบทอดต่อมาก็คือก๊วยเจ๋งหนึ่งในสองลูกศิษย์ของอั้งชิดกงซึ่งก๊วยเจ๋งเองที่เป็นพระเอกของเราก็ได้พบประสบการณ์พิสดารมากมาย ไม่ว่าพลังกำลังภายในที่แสนล้ำลึกอยากเก้าอิมจินเก็ง สองมือขัดแย้งของเฒ่าทารกจิวแปะทง เคล็ดลับของค่ายกลเจ็ดดาวเหนือ ซึ่งทำให้ตัวก๊วยเจ๋งนั้นหลอมรวมเหล่ายอดวิชามาผสานกับสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร จนสามารถใช้ออกมาได้อย่างร้ายกาจอีกคนนึงเลยทีเดียว
ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไป ตอนแรกที่ก๊วยเจ๋งฝึกสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรจากอั้งชิดกงได้สิบห้าท่า และมีโอกาสได้ต่อสู้กับอาวเอี๊ยงเค๊ก ตอนแรกนั้นไม่อาจสู้อาวเอี๊ยงเค๊กได้ แต่ในท้ายที่สุดเมื่ออั้งชิดกงยอมถ่ายทอดกระบวนท่าที่เหลือให้ ทำให้เกิดการต่อเนื่องของวิชาจนสามารถสู้กับอาวเอี๊ยงเค๊กได้เลยทีดีเดียวและตัวก๊วยเจ๋งเองก็ได้ใช้วิชานี้เป็นวิชาประจำตัวเสมอเมื่อประมือกับผู้อื่น ซึ่งก๊วยเจ๋งเองก็มีผู้สืบทอดวิชาชุดนี้อีกเช่นกัน
ก๊วยเจ๋งได้มีโอกาสรับสองพี่น้องตระกูลบู๊ ซึ่งเป็นบุตรของหนึ่งในศิษย์ของอิดเต็งไต้ซือหรือราชันย์ทักษิณในอดีตและก็มีการถ่ายทอดยอดวิชาชุดนี้ให้ แต่ด้วยทั้งสองหาได้เป็นผู้ที่มีความสามารถมากนักทำให้ไม่สามารถบรรลุยอดวิชาชุดนี้
ความร้ายกาจของวิชาชุดนี้ก็ได้แสดงให้ประจักษ์อีกครั้งเมื่อตอนที่เอี้ยก้วยนั้นวางแผนที่จะทำร้ายก๊วยเจ๋ง ด้วยสาเหตุแห่งการตายของบิดาตน แล้วในตอนนั้นพวกจอมยุทธในค่ายของมองโกลยิ่งได้รับแรงผลักดันด้วยการที่ว่าหากใครสามารถสังหารก๊วยเจ๋งได้จะได้เป็น “ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง” อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้ง กิมลุ้น นีมอชิง เซียวเซียงจื้อ อีเคอซี เบ๊กวงจ้อ
ในยอดฝีมือทั้งสี่ของมองโกล ก๊วยเจ๋งมองออกว่าอีเคอซีฝีมืออ่อนด้อยกว่าผู้อื่นที่สุดแต่สิ่งที่เขาทำกับไม่ใช่การพุ่งเข้าไปต่อสู้กับอีเคอซี แต่เขาพุ่งเข้าหาเซียวเซียงจื้อ ก๊วยเจ๋งรีบฟาดฝ่ามือใส่เซียวเซียงจื้อ ทำให้เซียวเซียงจื้อจี้กระบองเข้ากลางฝ่ามือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งได้เปลี่ยนกระบวนท่าแต่กลางคัน ได้ใช้ท่า "มังกรสะบัดหาง" ฝ่ามือขวาย้อนไปคว้าจับแส้ของอีเคอซี ขณะนั้นอีเคอซีกระชากแส้คืนไม่ได้ จึงพุ่งตัวตามแรงกระชาก อีกมือจึงใช้มีดสั้นแทงใส่ก๊วยเจ๋ง
ทว่าในตอนนั้นเองจักรทองของกิมลุ้นกับปลายกระบองของเซียวเซียงจื้อจู่โจมมาถึง ก๊วยเจ๋งตวาดก้องใช้ลมปราณถ่ายทอดผ่านแส้อีเคอซี กระแทกอีเคอซีบาดเจ็บกระอักโลหิตออกมา อีเคอซีรีบถอยกลับนั่งสมาธิโคจรลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ แล้วจึงเข้าไปต่อสู้กับคนที่เหลือต่อ
นี่คือส่วนหนึ่งความร้ายกาจของวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรก๊วยเจ๋ง เพียงท่าเดียวก็สยบยอดฝีมือได้ !
ต่อมายอดยุทธหนุ่มผู้มีสถานะเสมอเหมือนเหล่าเจ็ดนักพรตช้วนจินก่านามเยลู่ฉี(เยลู่ฉีเป็นศิษย์ของจิวแปะทง จึงนับได้ว่าเป็นชั้นเดียวกับเหล่าเจ็ดนักพรตแห่งช้วนจินก่า) ก็ได้มาเป็นสามีของก๊วยพู๊ ลูกสาวของก๊วยเจ๋ง(แปลกแต่จริงที่คนดีอย่างเย่ลู่ฉีมารักกับสาวที่เอาแต่ใจอย่างก๊วยพู๊ได้) ซ้ำยังได้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรคกระยาจก จึงได้รับการสืบทอดวิชานี้ไป แต่ไม่ครบถ้วน หากถามว่าเยลู่ฉีนั้นเหมาะสมหรือไม่ในการสืบทอดวิชาชุดนี้ สำหรับความเห็นส่วนตัวเห็นว่าในยุคนั้น ตัวของเยลู่ฉีเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดเพราะในจอมยุทธหนุ่มยุคนั้น เยลู่ฉีนั้นเป็นรองก็แต่เพียงตัวเอี้ยก้วยที่เป็นพระเอกของเรื่องเท่านั้น ซ้ำนิสัยของเยลู่ฉีนั้นก็มีความซื่อตรง เปิดเผย มีความเหมาะสมต่อลักษณะผู้สืบทอดวิชาชุดนี้มากกว่าตัวเอี้ยก้วยเสียอีก
แต่ตัวเยลู่ฉีก็เรียนรู้วิชานี้ไม่ครบถ้วน เข้าใจว่าน่าจะมาจากการที่มองโกลรุกรานแผ่นดินจีนย่อยยับไปเสียก่อนที่จะสำเร็จ จนยุคหลังต่อมาเหลือเพียง สิบสี่ท่า และเมื่อถึงซือฮวยเล้งประมุขพรรคกระยาจกในเรื่องดาบมังกรหยก(มังกรหยกภาคสาม) สืบทอดเหลือเพียง สิบสองกระบวนท่าเท่านั้น
ซือฮ้วยเล้งเป็นประมุขพรรคกระยาจกที่กล่าวถึงในเรื่องดาบมังกรหยกถูกฝ่ามืออัสนีบาตเซ่งคุนตัวร้ายของเรื่องที่หมายจะยึดครองพรรคกระยาจกเข้าสังหาร ซึ่งทั้งสองก็ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดปะทะกันสิบสองฝ่ามือ แน่นอนว่าซือฮวยเล้งก็ได้ใช้ฝ่ามือพิชิตมังกรจนทำให้เซ่งคุนได้รับบาดเจ็บแล้วจึงหนีไป
แต่ซือฮ้วยเล้งบาดเจ็บสาหัส(หากรู้ครบสิบแปดท่าก็ไม่น่าพลาดท่าเซ่งคุน)จนต่อมาก็ได้เสียชิวิตลง ทำให้พรรคกระยาจกนั้นเกิดความระส่ำระสาย ตั้งอิ้วเหลียงผุ้เป็นศิษย์ของเซ่งคุนจึงได้ทำการครอบครองพรรคกระยาจกจากความช่วยเหลือจากทั้งสตรีเสื้อเหลืองแห่งสุสานโบราณและตัวเตียบ่อกี้ เข้าช่วยเหลือพรรคกระยาจก จนทำให้พรรคกระยาจกที่โดนควบคุมโดยเซ่งคุนและตั้งอิ้วเหลียงโดนกำจัดไป จากนั้นผู้เฒ่าพรรคกระยาจกได้เลือกซืออั้งเจี๊ยะ บุตรีซือฮ้วยเล้งขึ้นเป็นประมุขพรรคสืบต่อไป
ในส่วนของวิชานี้ยังมีการกล่าวถึงอีกคือความลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร ซึ่งอย่างที่เราทราบกันอยุ่แล้วว่าความลับของสองสิ่งจะปรากฎก็ต่อเมื่อเอาทั้งดาบและกระบี่มากระทบกันจนทำให้เกิดการแตกหักแล้วในดาบฆ่ามังกรก็จะมีตำราพิชัยยุทธงักฮุย ส่วนในกระบี่อิงฟ้าจะมีคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งและสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร แต่ไม่ได้มีผู้ที่ได้ฝึกวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรจากความลับของกระบี่อิงฟ้าและเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งว่าหากผู้ที่ได้ความลับของสองยอดศาตราวุธนี้มาครอบครองอย่างจิวจี้เยี๊ยกมีใจที่กว้างสักหน่อย นำคืนยอดวิชาชุดนี้แก่พรรคกระยาจก วิชาชุดนี้ก็น่าจะยังสืบทอดได้ต่อไปอย่างสมบูรณ์
แต่ในการปรับปรุงครั้งที่ 3 นั้นได้ตัดทอนเรื่องการมีอยู่ของสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรในกระบี่อิงฟ้าออกทั้งหมด
หากเราลองสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าวิชานี้ผู้ที่ใช้จนชำนาญและเชี่ยวชาญจริงๆจะมีสามคนคือเฉียวฟง อั้งชิดกง ก๊วยเจ๋ง ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต่างก็เป็นจอมยุทธผู้หนักแน่น มีคุณธรรมสูงส่งและอีกอย่างวิชานี้เป็นวิชาประจำของพรรคกระยาจก หากเรียกแบบไม่เกรงใจคือพรรคขอทานนั่นเอง
แล้วทำไมพรรคกระยาจกที่มีวิชาเช่นนี้อยู่ ต้องการที่จะสื่ออะไรหรือไม่?
นี่ก็เป็นการแฝงนัยยะของที่ต้องการจะสื่อให้เห็นถึงมังกรซึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองของจีน หากสามารถปกครองประเทศได้ดี ขอทานก็จะน้อย อำนาจและพลังของพรรคกระยาจกก็จะไร้กลังและอำนาจ แต่หากวันใดที่ผู้ปกครอง ไร้สามารถ ปกครองประเทศไม่ดี ก็จะเกิดกลียุค แพง มีวิกฤติต่างๆมากมาย ชาวประชาเดือดร้อนจนต้องไปเป็นขอทานและเมื่อนั้นเองที่เหล่ายาจกเองก็จะมีพลังถึงขั้นพิชิตผู้ปกครอง ที่ซึ่งมีสัญลักษณ์สูงส่งดังมังกร
จนสามารถเรียกได้ว่า “พิชิตมังกร” นั่นเอง
บทความโดย
อภิวัฒน์ สุนันท์ยืนยง
“สุดยอดแฟนพันธุ์แท้กิมย้ง”
สนใจสั่งซื้อหนังสือของ "กิมย้ง" คลิก!!!
ขอบคุณภาพหนังสือก๊วยเจ๋ง ยอดวีรบุรุษ จาก siaminterbook
ขอบคุณภาพกิมย้งจาก http://www.jadedragon.net/pic/jinyong-01.png
ขอบคุณภาพปกจาก http://img.daoisms.org/allimg/161024/4-16102415540b05.jpg
จอมกะล่อนราชวงศ์ถัง
posted on 24 October 2024
งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 29 (Siam Inter Comics บูธ Q44)
posted on 27 September 2024
เทพมรณะสะบั้นเศียร
posted on 04 September 2023
แอบรักให้เธอรู้
posted on 12 September 2022
บันทึกเลือดล้างบัลลังก์แห่งรัชศกชิ่งซี
posted on 15 August 2022